เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่! “Now You See Me: Now You Don’t” ภาคใหม่ของแฟรนไชส์ภาพยนตร์โจรกรรมที่คนรักหนังต้องไม่พลาด
หลังจากความสำเร็จจากภาคก่อน ๆ ของแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่เน้นความลึกลับและมายากลอย่างเต็มรูปแบบ “Now You See Me” ได้กลับมาเปิดฉากใหม่อย่างยิ่งใหญ่ในภาคล่าสุดกับชื่อเต็มว่า “Now You See Me: Now You Don’t” ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในข่าวหนังใหม่ที่น่าจับตามองที่สุดในวงการภาพยนตร์ช่วงนี้ ด้วยการผสมผสานระหว่างเทคนิคภาพและการเล่าเรื่องที่ท้าทายความสามารถของนักแสดงและทีมงานอย่างเต็มที่
ความแตกต่างที่น่าตื่นตาตื่นใจของภาคนี้
สิ่งที่ทำให้ “Now You See Me: Now You Don’t” แตกต่างจากภาคก่อน ๆ อย่างชัดเจนคือแนวคิดและการออกแบบภาพยนตร์ในเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งผู้กำกับชื่อดัง รูเบน เฟลเชอร์ (ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Venom และ Zombieland) ได้เน้นย้ำว่าภาคนี้จะมอบประสบการณ์การเสมือนชมมายากลสด ๆ ต่อหน้าต่อตา เหนือสิ่งอื่นใดคือการนำเสนอฉากมายากลที่สามารถเล่นได้จริงด้วยตัวนักแสดงเอง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไม่เคยมีมาก่อนในภาพยนตร์แนวเดียวกัน
นักแสดงและเทคนิคภาพยนตร์ที่เน้นความสมจริง
ในขณะที่ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ใช้เทคนิควิชวลเอฟเฟกต์แบบหนักหน่วงและเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างภาพลวงตา แต่ “Now You See Me: Now You Don’t” กลับเน้นการถ่ายทำแบบดั้งเดิมและเน้นความสมจริงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ทีมนักแสดงทั้ง 7 คน ซึ่งรับบทเป็นกลุ่มโจรกรรมอัจฉริยะ ได้รับการฝึกฝนมายากลอย่างเข้มข้นเพื่อให้สามารถแสดงจริงในทุกฉาก โดยไม่มีการใช้ CGI หรือ AI เข้ามาช่วยในส่วนของภาพลวงตา ตัวอย่างเช่น การใช้เทคนิค กรีนสกรีน สำหรับฉากโฮโลแกรมและเทคนิค Deep Fake ในตอนต้นเรื่องนั้นก็เป็นเพียงการถ่ายทำแบบดั้งเดิมที่คุมด้วยเทคนิคภาพพื้นฐานเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีความแตกต่างและน่าตื่นเต้นมากขึ้น
การสร้างภาพลวงตาด้วย “ห้องเอมส์” (Ames Room) ครั้งแรกในวงการภาพยนตร์
หนึ่งในความน่าทึ่งที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการนำเทคนิค “ห้องเอมส์” (Ames Room) มาใช้ในฉากสำคัญ โดยไม่ใช่ห้องสี่เหลี่ยมธรรมดา แต่เป็นห้องที่ออกแบบให้บิดเบี้ยวด้วยอัตราส่วนที่ผิดเพี้ยน ซึ่งสร้างภาพลวงตาที่ทรงพลังและน่าทึ่งที่สุด
คนที่ยืนอยู่มุมหนึ่งของห้องจะดูตัวเล็กจิ๋ว ในขณะที่อีกมุมหนึ่งจะดูสูงใหญ่มาก เหมือนยักษ์ ซึ่งนี่คือจุดเด่นของเทคนิคนี้ที่ช่วยเพิ่มความสมจริงและความน่าทึ่งในฉากแอ็กชันหลัก ซึ่งผู้ชมจะได้สัมผัสประสบการณ์ภาพลวงตาที่ไม่เหมือนใครในหนังเรื่องนี้
ฉากแอ็กชันสุดเร้าใจในห้องเอมส์และฉากหนีตำรวจที่ไม่เหมือนใคร
หนึ่งในฉากแอ็กชันที่กลายเป็นไฮไลต์ใน “Now You See Me: Now You Don’t” คือ ฉากการต่อสู้ในห้องเอมส์ ซึ่งนักแสดงอย่าง เดฟ ฟรังโก ที่รับบทเป็น แจ็ก กล่าวว่า “ฉากนี้เป็นอะไรที่สุดยอดมาก เมื่อพวกเราต้องเคลื่อนที่ในพื้นที่ที่บิดเบี้ยว ตัวละครจะดูเหมือนตัวใหญ่ขึ้นหรือตัวเล็กลงอย่างน่าประหลาดใจ เป็นภาพลวงตาที่หาดูได้ในหนังเรื่องนี้เท่านั้น”
อีกหนึ่งฉากแอ็กชันที่ไม่ควรพลาดคือฉากหนีตำรวจในโถงทางเดินที่หมุนติ้วเหมือนเครื่องซักผ้า ซึ่งนักแสดงอย่าง เจสซี ไอเซนเบิร์ก ซึ่งรับบทเป็น แอตลาส เผยว่า “ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย คิวแอ็กชันในฉากนี้ถูกออกแบบอย่างละเอียดและประณีตมาก เพราะเกิดขึ้นในห้องที่กำลังหมุน ตัวศูนย์ถ่วงเปลี่ยนตลอดเวลา ซึ่งเป็นการท้าทายทั้งด้านเทคนิคและความปลอดภัย ต้องซ้อมหลายรอบและทำจริงในห้องหมุน ซึ่งทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นและเหนื่อยมากที่สุดในชีวิตการแสดงหนัง”
ฉากสุดอลังใน “ห้องบันไดกระจกอินฟินิตี้” ที่สะท้อนวัตถุมากถึง 78 ภาพในเฟรมเดียว
อีกฉากหนึ่งที่สร้างความประทับใจไม่แพ้กันคือ “ห้องบันไดกระจกอินฟินิตี้” ซึ่งเป็นฉากที่สะท้อนวัตถุและตัวละครมากถึง 78 ภาพในเฟรมเดียว สร้างภาพลวงตาที่น่าตื่นตาและไม่เคยเห็นมาก่อนในหนังแนวเดียวกัน
วูดดี้ แฮร์เรลสัน ผู้รับบท เมอร์ริต เล่าเสริมว่า “ในฉากนี้ ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นการสะท้อนซ้อนกันบนกระจก ซึ่งน่าทึ่งมาก ผมเชื่อว่าผู้ชมจะต้องประทับใจและอินไปกับความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นแน่นอน”
ความสนุกและหักมุมที่รอคุณอยู่ในหนังเรื่องนี้
สำหรับแฟนหนังสาย movie news ที่ชื่นชอบความลึกลับและมายากลแบบเต็มขั้น “Now You See Me: Now You Don’t” เป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบ ทั้งความตื่นเต้น การบิดเบี้ยวของภาพ และการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยพลิกผันและหักมุมสุดระทึกใจ
ผู้กำกับรูเบน เฟลเชอร์ ยืนยันว่าภาคนี้เป็นภาคที่สนุกที่สุดในสามภาคของแฟรนไชส์นี้ ด้วยความใส่ใจในรายละเอียดและความสมจริงของฉากต่าง ๆ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในหนังใหม่ที่ควรค่าแก่การชมในโรงภาพยนตร์ช่วงเวลานี้
สรุป
หากคุณเป็นแฟนหนังแนวอาชญากรรมและมายากล ไม่ควรพลาด “Now You See Me: Now You Don’t” ซึ่งเปิดฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการผจญภัยในโลกแห่งภาพลวงตาและความสนุกสุดหรรษาที่รอคุณอยู่ คอนเฟิร์มว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้คุณติดใจและพูดถึงกันอย่างแน่นอน!
